ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับแรงกดดันด้านมาตรฐานความยั่งยืน (ESG) จากกลุ่มลูกค้า นักลงทุน รวมไปถึงคู่ค้าในหลาย ๆ เจ้า ทำให้ “การจัดการพลังงานในระยะยาว” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการคิดแค่เรื่องต้นทุนของธุรกิจอีกต่อไป แต่สิ่งนี้กำลังจะกลายเป็นหนึ่งใน “กลยุทธ์ธุรกิจ” ที่ผู้บริหารต้องตัดสินใจอย่างจริงจัง
ซึ่งคำถามสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องหาคำตอบให้ได้หากจะตัดสินใจเข้าสู่การใช้พลังงานสะอาด ระหว่างระบบ โซล่าเซลล์ออนกริด (On-Grid) สำหรับธุรกิจที่ใช้ไฟช่วงกลางวัน กับระบบ โซล่าเซลล์ไฮบริด (Hybrid) ที่ให้ความมั่นคงแบบ 24 ชั่วโมง ระบบไหนที่คุ้มค่าและให้ผลตอบแทน (ROI) ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจในปี 2026?
บทความนี้ SOLAR WING จึงได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ และจะพาเหล่าเจ้าของธุรกิจมาเจาะลึกเกี่ยวกับ อยาก ประหยัดได้จริง ฉบับปี 2026 ธุรกิจต้องเลือกแบบไหนระหว่าง โซล่าเซลล์ออนกริด vs โซล่าเซลล์ไฮบริด เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น มาฝากกัน
โซล่าเซลล์ออนกริด กับ โซล่าเซลล์ไฮบริด คืออะไร?
1. โซล่าเซลล์ออนกริด (On-Grid)

คือ ระบบโซล่าเซลล์ที่ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน แล้วเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าโดยตรง เมื่อโซล่าเซลล์ผลิตไฟไม่พอ ระบบจะดึงไฟจากการไฟฟ้ามาใช้งาน และในบางกรณีที่ผลิตได้เกินกว่าที่ใช้ ก็สามารถส่งไฟส่วนเกินเข้าระบบตามเงื่อนไขและโครงการรับซื้อไฟของภาครัฐที่เปิดในขณะนั้น
องค์ประกอบหลักโซล่าเซลล์ออนกริด
- แผงโซล่าเซลล์
- อินเวอร์เตอร์แบบ On-Grid
- มิเตอร์เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า
จุดเด่นสำคัญ
- ต้นทุนเริ่มต้นต่ำที่สุด เพราะไม่มีแบตเตอรี่ ระบบจึงเรียบง่าย ดูแลง่าย เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการคืนทุนไว
- อายุการใช้งานของแผงโซล่าเซลล์โดยทั่วไปอยู่ราว 20–25 ปี ส่วนอินเวอร์เตอร์อยู่ที่ประมาณ 10 ปี ทั้งนี้ขึ้นกับคุณภาพอุปกรณ์และการดูแลรักษา
- เหมาะกับธุรกิจที่ใช้ไฟมากช่วงกลางวัน เช่น โรงงานที่ทำงานกะกลางวัน สำนักงาน โกดัง หรือโชว์รูมที่มีเวลาทำการค่อนข้างชัดเจน
ข้อจำกัดหลัก
- หากไฟจากการไฟฟ้าดับ ระบบออนกริดจะดับทันทีเพื่อความปลอดภัยของช่างและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ทำให้ไม่มีไฟสำรองไว้ใช้
- ช่วงกลางคืนหรือช่วงที่ไม่มีแสง ระบบยังต้องพึ่งพาไฟจากการไฟฟ้าเกือบ 100%
2. โซล่าเซลล์ไฮบริด (Hybrid)

อีกหนึ่งระบบ โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ที่ผสมผสาน โซล่าเซลล์ + แบตเตอรี่ + การไฟฟ้า เข้าด้วยกัน สามารถผลิตไฟใช้เองในช่วงกลางวัน เก็บส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่ และยังเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าเพื่อสำรองหรือเสริมพลังงานเมื่อจำเป็น
องค์ประกอบหลักโซล่าเซลล์ไฮบริด
- แผงโซล่าเซลล์
- อินเวอร์เตอร์ไฮบริด (Hybrid Inverter)
- แบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System)
- การเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า
จุดเด่นสำคัญของโซล่าเซลล์ไฮบริด
- สามารถเก็บไฟส่วนเกินจากโซล่าเซลล์ไว้ใช้ในช่วงกลางคืนหรือช่วงพีคโหลด ช่วยลดการดึงไฟจากการไฟฟ้า และบริหารค่าไฟได้ยืดหยุ่นกว่าเดิม
- ทำหน้าที่คล้าย UPS ขนาดใหญ่สำหรับโหลดสำคัญ (Critical Load) ให้ธุรกิจยังเดินต่อได้แม้ไฟดับในบางส่วนของระบบ ตามการออกแบบและแบ่งวงจร
- เป็นฐานสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการ ยกระดับกลยุทธ์ ESG และ BCP ในระยะยาว
ข้อควรพิจารณา
- ต้นทุนเริ่มต้นโดยทั่วไปสูงกว่าระบบ On-Grid เนื่องจากมีค่าแบตเตอรี่ ระบบควบคุม และงานออกแบบเพิ่มเติม
- การออกแบบระบบต้องคำนึงถึงขนาดแบตเตอรี่ รูปแบบโหลด และการดูแลรักษาในระยะยาว จึงควรใช้ทีมวิศวกรหรือผู้ติดตั้งที่มีประสบการณ์ด้านระบบกักเก็บพลังงานโดยเฉพาะ
- พื้นที่ติดตั้งต้องเพียงพอสำหรับการผลิตไฟส่วนเกิน เนื่องจากระบบต้องผลิตไฟฟ้าเพื่อจ่ายให้เครื่องจักรทำงาน และ แบ่งพลังงานส่วนหนึ่งไปชาร์จเก็บไว้ในแบตเตอรี่พร้อมกัน หากพื้นที่หลังคามีจำกัดจนติดตั้งแผงได้น้อย พลังงานที่ผลิตได้อาจถูกดึงไปใช้จนหมด ทำให้ไม่มีไฟเหลือสำรองเก็บไว้ในแบตเตอรี่ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
ความแตกต่างเชิงลึก โซล่าเซลล์ไฮบริด VS ออนกริด ในมุมมองธุรกิจ
| ข้อเปรียบเทียบ | โซล่าเซลล์ออนกริด | โซล่าเซลล์ไฮบริด |
| ต้นทุนเริ่มต้น | ต่ำที่สุด เพราะไม่มีแบตเตอรี่และโครงสร้างระบบค่อนข้างเรียบง่าย | สูงกว่า เนื่องจากมีค่าแบตเตอรี่และระบบควบคุม |
| ผลตอบแทน (ROI) | ในหลายกรณีคืนทุนได้ค่อนข้างเร็ว ราว 3–5 ปี ทั้งนี้ขึ้นกับโปรไฟล์โหลด ค่าไฟ และขนาดระบบของแต่ละธุรกิจ | โดยทั่วไปช้ากว่าเล็กน้อยราว 5–8 ปี แต่แนวโน้ม ดีขึ้นมาก ตามราคาของแบตเตอรี่ที่ลดลงในปี 2026 |
| ความเสถียร | เมื่อไฟจากการไฟฟ้าดับ ระบบโซล่าเซลล์จะหยุดทำงาน เพราะไม่มีไฟสำรองในตัวระบบ | มีแบตเตอรี่ช่วยสำรองไฟ สามารถออกแบบให้โหลดสำคัญ (Critical Load) ทำงานต่อได้ |
| การใช้ไฟ 24 ชั่วโมง | ใช้ไฟจากโซล่าเซลล์ได้เฉพาะช่วงมีแสงแดด กลางคืนต้องใช้ไฟจากการไฟฟ้าเป็นหลัก | กลางวันใช้โซล่าเซลล์ ส่วนเกินเก็บแบต กลางคืนดึงจากแบต ลดการพึ่งพาการไฟฟ้า |
| การออกแบบและบริหาร | โครงสร้างระบบค่อนข้างง่าย ดูแลและเดินระบบไม่ซับซ้อน เหมาะกับทีมที่ยังไม่อยากเพิ่มภาระ Operation มาก | ซับซ้อนกว่า ต้องอาศัยผู้ติดตั้งที่มีประสบการณ์ด้านระบบกักเก็บพลังงาน |
| เหมาะกับธุรกิจแบบไหน | ธุรกิจที่เน้นคืนทุนไว ใช้ไฟกลางวันเยอะ ไม่ได้กังวลเรื่องไฟดับมาก | ธุรกิจที่เน้นความต่อเนื่อง ระบบสำคัญห้ามดับ |
หมายเหตุ: ตัวเลข ROI เป็นค่าโดยประมาณจากแนวโน้มตลาด ยังต้องคำนวณเฉพาะเคสโดยอิงจากค่าไฟฟ้าปัจจุบัน โครงสร้างค่า Ft โปรไฟล์โหลด และกฎระเบียบในปีที่ลงทุนของแต่ละธุรกิจ
โซล่าเซลล์ไฮบริด กับ ออนกริด ธุรกิจแบบไหนควรใช้ ?

ในมุมของผู้บริหาร การตัดสินใจที่ดีไม่ใช่แค่เลือกระบบที่ “ถูกที่สุด” แต่คือเลือกระบบที่สอดคล้องกับ “กลยุทธ์ธุรกิจ” มากที่สุด ทั้งด้าน ROI ความเสี่ยง และภาพลักษณ์ในสายตาลูกค้าและนักลงทุน
ซึ่งนี่คือระบบที่จะช่วยตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริหาร โดยแบ่งออกเป็น 2 ข้อหลัก ๆ คือ
1. โซล่าเซลล์ไฮบริด สายเน้นความเสถียร ระบบห้ามดับ และคิดเรื่อง ESG ยาว ๆ
มักเหมาะกับกลุ่มธุรกิจที่การไฟดับไม่ใช่เรื่องเล็ก เช่น โรงงานที่เดินเครื่อง 24 ชั่วโมง โรงแรมที่ต้องมีไฟตลอดทั้งคืน ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ระบบคลังสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ หรือรวมไปถึงธุรกิจที่มีจุดชาร์จรถ EV หรือองค์กรที่เริ่มจริงจังกับการวัดคาร์บอนและ ESG
สำหรับกลุ่มนี้ โซล่าเซลล์ไฮบริด จะตอบโจทย์มากในแง่ของ “ระบบไฟทั้งระบบของธุรกิจ” ซึ่งนั่นจะไม่ใช่แค่ค่าไฟอย่างเดียว เนื่องจาก
- ใช้ไฟจากโซล่าเซลล์ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ผ่านการกักเก็บพลังงานในแบตเตอรี่
- สามารถวางระบบสำรองไฟจากแบต เพื่อให้ยังคงมีไฟเลี้ยงอุปกรณ์ที่สำคัญ (Critical Load) ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ งานไม่หยุดชะงัก”
- วางกลยุทธ์การใช้ไฟช่วงพีก (Peak Shaving) และการเลื่อนโหลด (Load Shifting) เพื่อบริหารต้นทุนพลังงานในระยะยาว
- สร้างภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนได้ชัดเจน เนื่องจากสามารถแสดงสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนและการลดคาร์บอนที่ตรวจสอบได้
2. โซล่าเซลล์ออนกริด สายเน้นคืนทุนไว ลดต้นทุนชัด ๆ
เหมาะกับโรงงานที่ทำงานกะกลางวัน โกดังที่ใช้งานช่วงเวลาเดียวกัน ร้านค้า อาคารสำนักงาน หรือโชว์รูมที่เปิดเป็นเวลาและไม่มีระบบที่ห้ามไฟดับเป็นพิเศษ
เพราะเวลาติดตั้งไปแล้ว ในช่วงสิ้นเดือนจะเห็นตัวเลขค่าไฟลดลงค่อนข้างชัดว่า ช่วงกลางวันใช้ไฟจากโซล่าเซลล์แทนไฟจากการไฟฟ้า เพราะแนวคิดหลักของระบบนี้คือ “การใช้โซล่าเซลล์มาช่วยลดบิลค่าไฟในส่วนกลางวันให้ได้มากที่สุด” นั่นเอง
ทั้งนี้ เมื่อแนวมีโน้มราคาแบตเตอรี่ลดลงเรื่อย ๆ ความต่างด้านงบลงทุนระหว่างออนกริดกับโซล่าเซลล์ไฮบริดก็ไม่ได้ห่างกันมากเหมือนเมื่อก่อน ทำให้การมอง โซล่าเซลล์ไฮบริด จึงถือเป็น “การลงทุนในระยะยาว” นั่นเอง
โซล่าเซลล์ไฮบริด ระบบที่น่าจับตามอง เพื่อตอบโจทย์กลยุทธ์ ESG และ BCP

เพราะทุกวันนี้ “ระบบโซล่าเซลล์” ในมุมมองของธุรกิจ สิ่งนี้อาจไม่ได้จบแค่เรื่องของการ “ประหยัดค่าไฟ” เพียงเท่านั้น เพราะในปัจจุบันการให้ความสำคัญ ESG และ BCP ถือเป็นเรื่องที่เจ้าของกิจการต้องวางแผนให้กับธุรกิจในอนาคต เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และตอบโจทย์กับความคุ้มค่าของธุรกิจในระยะยาว
ซึ่งก่อนจะโยงไปถึงโซล่าเซลล์ไฮบริด ลองทำความเข้าใจสองคำนี้แบบง่าย ๆ กันก่อนสำหรับธุรกิจมือใหม่ ว่าสิ่งนี้ คืออะไร
1. ESG แนวคิดการพัฒนาองค์กรด้วยหลักความยั่งยืน (Sustainability)
คือแนวคิดกรอบการดำเนินธุรกิจที่ประเมินผลกระทบและความเสี่ยงขององค์กรใน 3 มิติหลัก ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ผลกำไรทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม ไม่ว่าจะเป็น
- E – Environment ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยคาร์บอน การใช้พลังงานสะอาด การจัดการของเสีย
- S – Social ด้านสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น พนักงาน ชุมชน ลูกค้า
- G – Governance ด้านธรรมาภิบาล การบริหารจัดการที่โปร่งใส มีระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี
ซึ่งสำหรับหลายธุรกิจ “E” มักเป็นจุดเริ่มต้นที่จับต้องได้ง่ายสุด และหนึ่งในวิธีที่เห็นภาพชัดมากคือ การหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างโซล่าเซลล์เพื่อลดการใช้ไฟจากเชื้อเพลิงฟอสซิลนั่นเอง
2. BCP (Business Continuity Plan)
คือ “แผนสำรองเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินต่อได้แม้เกิดเรื่องไม่คาดคิด” เช่น ไฟดับ ระบบล่ม น้ำท่วม พายุเข้า ฯลฯ ถ้าพูดแบบง่าย ๆ คือ สมมติวันหนึ่งระบบไฟล่มทั้งพื้นที่ ธุรกิจของเราจะยังสามารถทำงานต่อได้หรือไม่
ซึ่งเมื่อเข้าใจสองคำนี้แล้ว จะเห็นว่าพลังงานกับไฟฟ้าเป็นหนึ่งใน “จุดเสี่ยง” สำคัญของธุรกิจ ทั้งในมุมสิ่งแวดล้อม (ใช้พลังงานจากอะไร) และในมุมความต่อเนื่อง (ไฟดับแล้วชีวิตทั้งบริษัทยังไปต่อไหวไหม)
จุดนี้เองที่ทำให้ โซล่าเซลล์ไฮบริด กลายเป็นหนึ่งในระบบที่น่าจับตามองสำหรับองค์กรที่เริ่มวางแผนกลยุทธ์ระยะยาวในระดับคณะกรรมการหรือผู้บริหาร
ยกระดับธุรกิจคุณด้วย โซล่าเซลล์ไฮบริด ทักปรึกษา SOLAR WING
สำหรับธุรกิจที่พร้อมเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านพลังงานให้เป็นจริง และสนใจในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ SOLAR WING เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาและผู้นำการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ไฮบริดด้วยมาตรฐานสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น
- ทีมวิศวกรครบวงจรมากประสบการณ์ เชี่ยวชาญทั้งด้านไฟฟ้า โครงสร้าง และพลังงานทดแทน มีประสบการณ์ตรงในการติดตั้งระบบให้กับอาคารธุรกิจและหน่วยงานสำคัญ
- การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด เรามุ่งเน้นการวางแผนติดตั้ง โดยสำรวจพื้นที่จริงและวิเคราะห์รูปแบบการใช้ไฟของธุรกิจคุณ เพื่อออกแบบขนาดระบบที่เหมาะสมที่สุด พร้อมเลือกใช้อุปกรณ์คุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานสากล
- บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) SOLAR WING เราพร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสำรวจหน้างาน ออกแบบระบบ ยื่นขออนุญาตกับการไฟฟ้า ไปจนถึงการติดตั้งและดูแลหลังการขาย ทำให้โรงงานของคุณมั่นใจได้ว่าระบบพร้อมใช้งานอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนที่ซับซ้อน

คำถามพบบ่อย เกี่ยวกับ โซล่าเซลล์ไฮบริด สำหรับธุรกิจ
Q: ระบบโซล่าเซลล์ไฮบริด ต้องบำรุงรักษาแบตเตอรี่บ่อยไหม?
A: แบตเตอรี่ลิเทียมที่ใช้ในระบบโซลาร์ส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้เป็นลักษณะ Maintenance-Free แทบไม่ต้องดูแลด้านการเติมน้ำหรือทำความสะอาดเป็นพิเศษเหมือนแบตเตอรี่แบบเก่า
แต่ยังควรมีการตรวจสอบสถานะการทำงาน อุณหภูมิ และระบบ BMS ผ่านซอฟต์แวร์หรือการตรวจเช็กประจำปีเพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว
Q: แบตเตอรี่โซล่าเซลล์มีอายุการใช้งานกี่ปี และคุ้มค่าที่จะเปลี่ยนใหม่หรือไม่?
A: อายุใช้งานเฉลี่ย 10–15 ปี หรือ 6,000–8,000 รอบ คุ้มค่าที่จะเปลี่ยนใหม่ ในอนาคต เพราะราคาแบตเตอรี่มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก
Q: หากใช้ระบบ Hybrid ธุรกิจสามารถขายไฟส่วนเกินคืนให้การไฟฟ้าได้เหมือน On-Grid หรือไม่?
A: สามารถทำได้ หากมีการตั้งค่าและการขออนุญาตจากหน่วยงาน แต่โดยทั่วไป ระบบ Hybrid จะถูกใช้เพื่อเน้นการ กักเก็บเพื่อใช้เอง 24 ชั่วโมง และเป็น ไฟสำรอง (Backup) เป็นหลัก
Q: ธุรกิจขนาดเล็ก ควรเริ่มที่ On-Grid ก่อน แล้วค่อยอัปเกรดเป็น Hybrid ได้หรือไม่?
A: ทำได้เช่นกัน เพื่อทยอยลงทุน แต่ควรเลือกติดตั้ง อินเวอร์เตอร์ที่เป็น “Hybrid-Ready” ตั้งแต่แรก เพื่อลดต้นทุนการอัปเกรดในภายหลัง
สรุป
โซล่าเซลล์ไฮบริด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่มอง “ความเสถียรของระบบไฟ” “ESG” และ “BCP” เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์หลัก และมองพลังงานเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ ในขณะที่ระบบออนกริดจะตอบโจทย์ธุรกิจที่โฟกัส “ลดค่าไฟ คืนทุนไว และต้องการระบบที่ไม่ซับซ้อน” ในงบลงทุนที่จับต้องได้
ดังนั้น คำตอบจึงไม่ใช่แค่ “แบบไหนดีกว่า” แต่คือ “ในอีก 3–5 ปีข้างหน้า ผู้ประกอบการต้องการให้ธุรกิจแข็งแรงในมุมต้นทุน ความเสี่ยง และภาพลักษณ์ความยั่งยืนแค่ไหน”
โดยหากธุรกิจไหนที่เริ่มมองถึงบทบาทของการใช้พลังงาน และสนใจระบบโซล่าเซลล์ไฮบริดที่บาลานซ์ทั้ง ROI และความยั่งยืนในระยะยาว สามารถติดต่อ SOLAR WING เพื่อรับคำปรึกษาและออกแบบระบบที่เหมาะกับธุรกิจของคุณได้โดยเฉพาะได้เลย
ที่มา
Solar system types compared: Grid-tied, off-grid, and hybrid จาก Solar Reviews
The Definitive 2026 Guide to Corporate PV & Energy Storage Procurement จาก Mate-solar
The Economic Impact of Solar Energy Storage Systems for Commercial จาก Sol-ark
Electric vehicle battery prices are expected to fall almost 50% by 2026 จาก Goldmansachs