เมื่อต้นทุนด้านพลังงานกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อผลกำไรของธุรกิจแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตสินค้า อาหาร เครื่องจักร หรือคลังสินค้า เป็นต้น ดังนั้น การพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากโครงข่ายหลักเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ยั่งยืนอีกต่อไป
ซึ่งหนึ่งในทางออกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการติดตั้ง โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ที่สามารถช่วยลดภาระค่าไฟต่อเดือนได้ดีในหลายธุรกิจ อีกทั้ง ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลได้อีกด้วย
แต่คำถามสำคัญที่เจ้าของโรงงานและผู้บริหารทุกคนสงสัยคือ ธุรกิจควรใช้ไฟฟ้าปริมาณเท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่ากับการลงทุนติดตั้งโซล่าเซลล์?
บทความนี้ SOLAR WING จึงได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับ วางแผนให้คุ้มทุน! ธุรกิจต้องคำนวณอะไรบ้าง หากจะติดโซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ มาฝากกัน
โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม คืออะไร?

โซล่าเซลล์ (Solar Panel) คือเทคโนโลยีที่เปลี่ยน พลังงานแสงอาทิตย์ ให้เป็น พลังงานไฟฟ้า โดยตรง และ Solar Rooftop ซึ่งเป็นการติดตั้งแผงบนหลังคาโรงงาน ได้กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในภาคอุตสาหกรรม เพราะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและรูปแบบการผลิตที่แตกต่างกัน ระบบโซล่าเซลล์หลัก ที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมในปัจจุบันจึงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
1. ระบบออนกริด (On-Grid) การเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า
เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับโรงงานและภาคธุรกิจ โดยใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์ในช่วงกลางวันทันที และยังคงเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลักเพื่อใช้ไฟในช่วงที่ผลิตไม่ได้ เช่น กลางคืนหรือวันที่ฝนตก
จุดเด่น: ลดค่าไฟฟ้าได้ทันที เนื่องจากพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์จะถูกใช้ก่อนเป็นอันดับแรกในช่วงกลางวัน ซึ่งช่วยลดการใช้ไฟจากการไฟฟ้าโดยตรง ทำให้ค่าไฟลดลงทุกเดือน
2. ระบบออฟกริด (Off-Grid) ระบบอิสระแบบไม่เชื่อมต่อไฟฟ้า
ระบบนี้ต้องมีการติดตั้ง แบตเตอรี่ (Battery/Energy Storage System – ESS) เพื่อกักเก็บพลังงานที่ผลิตได้ไว้ใช้ในยามที่ไม่มีแสงแดด
จุดเด่น: เหมาะสำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง/ระบบไฟฟ้าไม่เสถียร เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้าเลย
3. ระบบไฮบริด (Hybrid System) การผสมผสานที่ยืดหยุ่น
เป็นการผสานข้อดีของทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน คือ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับแบตเตอรี่สำรอง และยังคง เชื่อมต่อกับระบบการไฟฟ้า
จุดเด่น: ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้าได้มากที่สุด เพราะสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน และใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในช่วงกลางคืน ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถลดการใช้ไฟจากการไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมธุรกิจควรพิจารณาติดตั้ง โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ?

การลงทุนใน โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนคุ้มค่าในระยะยาว ด้วยเหตุผลหลัก 3 ข้อ คือ
- ลดต้นทุนพลังงานระยะยาว เพราะโซล่าเซลล์สามารถช่วยลดค่าไฟได้ทันที 20-70% ต่อเดือน และลดผลกระทบจากค่า FT ที่ปรับขึ้นทุกไตรมาส
- เสริมภาพลักษณ์องค์กรสีเขียว (ESG) การใช้พลังงานสะอาดเพิ่มความเชื่อมั่นจากคู่ค้าและผู้บริโภค
- สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เนื่องจากทางโรงงานสามารถควบคุมต้นทุนและลดการพึ่งพาระบบไฟฟ้าภายนอก
จุดคุ้มทุน คืออะไร โรงงานควรใช้ไฟเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม?
คำว่า “คุ้มค่า” ในการลงทุนติดตั้ง โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ได้วัดจากการประหยัดเพียงอย่างเดียว แต่สามารถวัดได้จากตัวชี้วัดทางการเงินหลักสองตัว คือ ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) และ ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
โดยโรงงานจะถือว่าคุ้มทุนได้ ก็ต่อเมื่อระบบสามารถสร้างผลประหยัดจนครอบคลุมเงินลงทุนเริ่มต้นได้ภายในกรอบเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งโดยทั่วไป อายุการใช้งาน ของระบบโซล่าเซลล์อยู่ที่ประมาณ 25 ปี และมักใช้เวลา คืนทุนเพียง 3–7 ปี เท่านั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของระบบและปริมาณการใช้ไฟฟ้า
การคำนวณหาจุดคุ้มทุน (Payback Period)

การหาจุดคุ้มทุน หรือ คืนทุน คือ การประเมินว่าโรงงานจะต้องใช้เวลากี่ปีในการประหยัดค่าไฟฟ้าได้เท่ากับค่าใช้จ่ายในการลงทุนติดตั้งระบบทั้งหมด ซึ่งสามารถใช้สูตรพื้นฐานดังนี้
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งทั้งหมด ÷ ค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ต่อปี = ระยะเวลาคุ้มทุน(ปี)
ตัวอย่าง: หากโรงงานลงทุนติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ไป 7,500,000 บาท (CAPEX) และประเมินว่าจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ปีละ 2,000,000 บาท ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะใช้ระยะเวลา 3.75 ปี ถึงจะคืนทุนนั่นเอง
หมายเหตุ: เป็นการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น
ความเข้าใจผิดที่ต้องรู้ เกี่ยวกับ โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ ยิ่งโรงงานมีขนาดใหญ่ การติดตั้งอาจยิ่งคุ้ม ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป เพราะในความเป็นจริงแล้ว ความคุ้มทุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของโรงงานเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ รูปแบบการใช้ไฟฟ้า (Load Profile) ของธุรกิจนั้น ๆ เป็นหลัก
ปัจจัยสำคัญที่สุดคือการที่โรงงานมีการ ใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันสูง และต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้โรงงานสามารถใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้เองจากโซล่าเซลล์ได้เกือบ 100% แทนการซื้อไฟราคาแพงจากการไฟฟ้า ทำให้เกิดผลประหยัดสูงสุดและคืนทุนได้เร็วที่สุด
วิธีคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนโซล่าเซลล์ ROI (Return on Investment)

นอกจากการหาจุดคืนทุนแล้ว การประเมิน ผลตอบแทนจากการลงทุน ROI (Return on Investment) ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ต่อปี ยังช่วยให้เห็นศักยภาพในการทำกำไรของระบบ โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสามารถคำนวณได้ดังนี้
ROI (%) = (กำไรสุทธิจากการประหยัดพลังงานต่อปี ÷ ต้นทุนติดตั้งทั้งหมด) × 100
ตัวอย่าง
- สมมติโรงงานมีค่าไฟเดิม 200,000 บาท/เดือน
- หลังติดตั้ง ประหยัดได้ 40% คิดเป็น 80,000 บาท/เดือน หรือ 960,000 บาทต่อปี
- ระบบขนาด 500 kWp ลงทุนประมาณ 9 ล้านบาท
ROI ต่อปี ≈ (960,000 ÷ 9,000,000) × 100 = 10.6% ต่อปี
ซึ่งนั่นจะหมายความว่า โรงงานจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 10.6% ต่อปี และภายใน 4–5 ปีก็จะคืนทุน และหลังจากนั้นคือ “กำไรพลังงานบริสุทธิ์” ตลอดอายุการใช้งานที่เหลือนั่นเอง
4 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) โดยตรง
เพื่อให้ได้ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีที่สุด เจ้าของธุรกิจจะต้องพิจารณาปัจจัยเชิงเทคนิคเหล่านี้
- ราคาติดตั้งต่อวัตต์ ปัจจุบันราคาติดตั้งโซล่าเซลล์ภาคอุตสาหกรรมในไทยอยู่ที่ราว 18–25 บาท/วัตต์ ยิ่งระบบมีขนาดใหญ่ (kWp สูง) ราคาต่อวัตต์จะยิ่งถูกลง (Economy of Scale)
- ประสิทธิภาพของแผง (Module Efficiency) การเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น แผง Mono-PERC หรือ N-Type Bifacial ให้ประสิทธิภาพในการแปลงพลังงานสูงกว่า 21–23% ซึ่งช่วยให้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นในพื้นที่หลังคาที่จำกัด
- อัตราการใช้ไฟที่ผลิตได้ (Self-Consumption) หากโรงงานใช้ไฟกลางวันสูงและสม่ำเสมอ อัตราการใช้ไฟที่ผลิตได้เองจะสูงตามไปด้วย ส่งผลให้ ROI สูงขึ้นทันที เนื่องจากมูลค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ต่อหน่วยสูงกว่าการขายคืน
- นโยบายรัฐ การติดตามนโยบายของภาครัฐ เช่น โครงการรับซื้อไฟส่วนเกิน (Feed-in Tariff) จากการไฟฟ้า ถือเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับโรงงานที่ผลิตไฟฟ้าได้เกินความต้องการใช้ในช่วงเวลาทำการ
ตารางสรุป โรงงานควรใช้ไฟขั้นต่ำเท่าไหร่ ถึงจะคุ้มค่าแก่การลงทุน?
| ขนาดโรงงาน | ค่าไฟเฉลี่ยต่อเดือน | ระบบที่แนะนำ | ระยะคืนทุน | ผลประหยัดต่อปี |
| โรงงานขนาดเล็ก | ≥ 50,000 บาท | 50–100 kWp | 3–7 ปี | 340,000 – 670,00 บาท |
| โรงงานขนาดกลาง | ≥ 150,000 บาท | 200–500 kWp | 1,300,000 – 3,300,000 บาท | |
| โรงงานขนาดใหญ่ | ≥ 400,000 บาท | 1 MWp ขึ้นไป | 6,750,000 บาท |
ซึ่งหากสรุปจากตาราง หากโรงงานของคุณมีค่าไฟเกิน 50,000 บาท/เดือน ขึ้นไป การลงทุนในโซล่าเซลล์จะเริ่ม “คุ้มค่า” อย่างเห็นได้ชัด
คำแนะนำการติดตั้ง โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม

การติดตั้ง โซล่าเซลล์สําหรับโรงงานอุตสาหกรรม แน่นอนเลยว่าเป็นการลงทุนระบบที่ซับซ้อนมากกว่าครัวเรือน ดังนั้น การวางแผนที่รอบคอบก่อนการตัดสินใจจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความคุ้มค่าและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งสิ่งที่ต้องผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ คือ
1. วิเคราะห์โหลดไฟฟ้า (Load Profile Analysis)
หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับการออกแบบระบบที่คุ้มค่า ซึ่งธุรกิจควรทำการวิเคราะห์กราฟการใช้ไฟรายชั่วโมงของโรงงานย้อนหลังอย่างน้อย 12 เดือน เพื่อให้เห็นพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของธุรกิจ
ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรสามารถ เลือกขนาดระบบ (kWp) ให้เหมาะสมที่สุด และแน่ใจได้ว่าไฟฟ้าที่ผลิตเกือบทั้งหมดจะถูกใช้ในทันที (Self-Consumption Rate สูง) ซึ่งเป็นตัวกำหนด Payback Period และ ROI ที่รวดเร็ว
2. เลือกผู้รับเหมาที่เชื่อถือได้
คุณภาพของงานติดตั้งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบในระยะยาว หากจะต้องเลือกผู้รับเหมา ควรตรวจสอบผลงานจริงในโครงการอุตสาหกรรมขนาดใกล้เคียงกัน ประสบการณ์ของทีม,วิศวกร และที่สำคัญคือ ใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน (กกพ.) รวมถึงมาตรฐานการทำงาน เช่น ISO 9001 เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพการติดตั้งและการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน
3. การขออนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย
การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ขนาดใหญ่ในโรงงานจำเป็นต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งการยื่นคำร้องติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ จะต้องยื่นขออนุญาตกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ ได้แก่
การไฟฟ้านครหลวง (MEA) หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่อขอเชื่อมต่อระบบ และยื่นขออนุญาตต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
เพราะหากติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจถูกปรับและสั่งรื้อถอน ซึ่งจะทำให้การลงทุนไม่คุ้มค่าและอาจผิดกฎหมาย
4. การรับประกันและบำรุงรักษา
การรับประกันและการบำรุงรักษา (O&M) คือหลักประกันสำคัญที่ช่วยรักษาประสิทธิภาพการผลิตตลอดอายุการลงทุน 25 ปี โดย แผงโซล่าเซลล์ ควรได้รับการรับประกันประสิทธิภาพนาน 25 ปี ส่วน อินเวอร์เตอร์ มักมีการรับประกันมาตรฐาน 5–10 ปี
นอกจากนี้ โรงงานควรมีสัญญาบำรุงรักษา (O&M) ที่ครอบคลุมการตรวจสอบและทำความสะอาดระบบอย่างน้อย ทุก 6 เดือน เพื่อคงประสิทธิภาพสูงสุดและรักษา ROI
5. สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการบริหารจัดการคาร์บอน
การติดตั้งโซล่าเซลล์ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าไฟ แต่ยังช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบทางการเงินและด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น
- สิทธิประโยชน์ทางภาษี ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ทางภาษีได้ โดยเฉพาะการใช้สิทธิ หักค่าเสื่อมราคาแบบเร่งรัด (Accelerated Depreciation) ตามมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งช่วยลดภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลและเร่งระยะเวลาคืนทุนให้สั้นลง
- การรับมือภาษีคาร์บอน ในอนาคตอันใกล้สำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะผู้ส่งออก จะต้องเผชิญกับมาตรการด้านราคาคาร์บอน ซึ่ง Carbon Tax คือ ภาษีที่เก็บจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิต และยังมีกลไกปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ที่หลากหลายธุรกิจจะต้องวางแผนรับมือ
ซึ่งการติดตั้งโซล่าเซลล์เป็นการ ลดการปล่อยคาร์บอนโดยตรง ทำให้โรงงานมีความพร้อมในการรับมือกับมาตรการเหล่านี้ และยังช่วยยกระดับการปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG อีกด้วย
ถ้าไม่อยากคำนวณให้ยุ่งยาก ปรึกษา SOLAR WING ได้เลย
การประเมินความคุ้มค่าและ ROI ของ โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ที่แม่นยำนั้น ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิคและด้านการเงินที่ซับซ้อน ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ Load Profile รายชั่วโมง การประเมินโครงสร้าง และการคำนวณผลตอบแทนที่ครอบคลุมปัจจัยต่าง ๆ
โดยสำหรับธุรกิจไหน ที่ต้องการความรวดเร็วและมั่นใจในการลงทุน โดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณที่ยุ่งยากซับซ้อน SOLAR WING เราพร้อมให้บริการเป็นที่ปรึกษาให้กับธุรกิจของคุณ
- ทีมวิศวกรครบวงจรมากประสบการณ์ ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านไฟฟ้า โครงสร้าง และพลังงานทดแทน มีประสบการณ์ตรงในการติดตั้งระบบให้กับอาคารธุรกิจและหน่วยงานสำคัญ
- การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด: เรามุ่งเน้นการวางแผนติดตั้ง โดยสำรวจพื้นที่จริงและวิเคราะห์รูปแบบการใช้ไฟของธุรกิจคุณ เพื่อออกแบบขนาดระบบที่เหมาะสมที่สุด พร้อมเลือกใช้อุปกรณ์คุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานสากล
- บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) SOLAR WING เราพร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสำรวจหน้างาน ออกแบบระบบ ยื่นขออนุญาตกับการไฟฟ้า ไปจนถึงการติดตั้งและดูแลหลังการขาย ทำให้โรงงานของคุณมั่นใจได้ว่าระบบพร้อมใช้งานอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนที่ซับซ้อน
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ “ โซล่าเซลล์สําหรับโรงงานอุตสาหกรรม ”
Q: ติด โซล่าเซลล์สําหรับโรงงานอุตสาหกรรม จะมีปัญหาไฟตก หรือดับไหม?
A: โรงงานที่ติดตั้งระบบ On-Grid จะยังคงใช้ไฟฟ้าจากโครงข่ายหลักได้ตามปกติ ระบบจะทำงานแบบอัตโนมัติ คือใช้ไฟที่ผลิตจากโซล่าเซลล์ก่อน
หากผลิตไม่พอหรือเป็นช่วงกลางคืน ก็จะดึงไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาเสริมให้เต็มจำนวนทันที ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาเรื่องไฟตก ไฟดับ หรือไฟไม่พอใช้ในการดำเนินงาน
Q: หากโรงงานมีการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางคืน จะยังคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่?
A: ยังมีความคุ้มค่า แต่จะลดลงบางส่วน หากการใช้ไฟฟ้าหลักอยู่ที่กลางคืน ประสิทธิภาพในการคืนทุนจะช้าลง เนื่องจากไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซล่าเซลล์ในช่วงกลางวันจะถูกใช้ไม่หมด
ข้อแนะนำ: โรงงานควรพิจารณาการติดตั้งระบบ Hybrid หรือเพิ่ม แบตเตอรี่ (ESS) เข้าไปในระบบ เพื่อกักเก็บไฟฟ้าที่ผลิตได้กลางวันไว้ใช้ในช่วงหัวค่ำหรือกลางคืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าได้อย่างมาก
Q: ถ้าหลังคาโรงงานมีอายุการใช้งานมานานแล้ว ติดตั้งโซล่าเซลล์ได้หรือไม่?
A: สามารถติดตั้งได้ หากผ่านการตรวจสอบและรับรองว่า โครงสร้างหลังคามีความแข็งแรงเพียงพอ ที่จะรองรับน้ำหนักของแผงโซล่าเซลล์และโครงสร้างติดตั้ง
Q: โรงงานต้องเสียภาษีจากไฟฟ้าที่ผลิตได้เองหรือไม่?
A: โดยทั่วไป ไฟฟ้าที่ผลิตได้และใช้เองภายในโรงงาน จะไม่มีภาระภาษี อย่างไรก็ตาม หากโรงงานเข้าร่วมโครงการขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้กับภาครัฐ (Feed-in Tariff) รายได้ที่เกิดจากการขายไฟฟ้าส่วนเกินนั้น อาจถือเป็นรายได้ของกิจการ และต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมาย
สรุป
การลงทุนติดตั้ง โซล่าเซลล์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม คือกลยุทธ์สำคัญในการเปลี่ยนรายจ่ายค่าไฟฟ้าให้เป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งหากโรงงานที่มีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสูงกว่า 50,000 บาทต่อเดือน และมีการใช้ไฟต่อเนื่องในช่วงกลางวันสูง อาจช่วยให้ธุรกิจสามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็วเพียง 3–7 ปี และให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่น่าพึงพอใจ
โดยปัจจัยสู่ความสำเร็จก่อนการติดตั้งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ คือ การวิเคราะห์โหลดไฟฟ้า (Load Profile) อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกใช้เองเกือบ 100%, การเลือกผู้รับเหมามืออาชีพ, การรับประกันสิค้า และสัญญาบำรุงรักษา 25 ปี เป็นต้น
การรู้ปัจจัยที่สำคัญเหล่านี้ก่อนตัดสินใจติดตั้งโซล่าเซลล์ จะเป็นการสร้าง ความมั่นคงด้านพลังงาน ลดความเสี่ยงด้านต้นทุน และยกระดับภาพลักษณ์องค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
SOLAR WING หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้นักธุรกิจสามารถวางแผนการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย พร้อมสร้างพลังงานสะอาดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ที่มา
มาตรฐานและข้อแนะนำระบบโซล่าเซลล์โรงงาน จาก กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
แนวทางการลงทุนธุรกิจ Solar Rooftop ไทย ปี 2025 จาก ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรี
How to calculate the payback period จาก GoCardless
What is solar panel ROI? จาก ConsumerAffairs