รู้ทันกฎหมาย พลังงานสะอาด ธุรกิจที่เตรียมพร้อมย่อมได้เปรียบ 

” พลังงานสะอาด ” เริ่มกลายเป็นเทรนด์ของโลก การเปลี่ยนแปลงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น  แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการแข่งขันของธุรกิจทุกขนาด ซึ่งประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยได้มีการเคลื่อนไหวด้านนโยบายและกฎหมายเพื่อผลักดันการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นในทุกปี 

การรู้เท่าทันและปรับตัวตามกฎหมายพลังงานสะอาดจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องใส่ใจ ธุรกิจที่เข้าใจทิศทางและเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน  

บทความนี้ SOLAR WING จะพาไปเจาะลึกถึงแนวโน้มกฎหมายและนโยบายพลังงานสะอาดทั้งในระดับโลกและประเทศไทย รวมถึงเหตุผลสำคัญที่ธุรกิจควรเริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ พร้อมแนวทางรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น 

กฎหมาย พลังงานสะอาด คืออะไร? 

กฎหมายพลังงานสะอาด (Clean Energy Law) หมายถึง กฎหมายและข้อบังคับที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมและกำกับให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ชีวมวล และพลังงานน้ำ แทนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อให้เกิดมลพิษและก๊าซเรือนกระจก วัตถุประสงค์หลักของกฎหมายพลังงานสะอาด ได้แก่

• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบจากภาวะโลกร้อน 

• เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม 

• ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดในระดับอุตสาหกรรมและชุมชน 

• รองรับเป้าหมาย Net Zero หรือ Carbon Neutral ตามพันธสัญญาสากล 

ขอบเขตของกฎหมาย พลังงานสะอาด 

ขอบเขตกฎหมายเหล่านี้ครอบคลุมทั้งระดับโครงสร้าง เช่น แผนพลังงานชาติ กฎหมายสิ่งแวดล้อม มาตรฐานการใช้พลังงานในอาคาร การติดฉลากประหยัดพลังงาน และระบบภาษีคาร์บอนในอุตสาหกรรมหนัก ในประเทศไทย มีการออกพระราชบัญญัติและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550) และประกาศกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับมาตรฐานการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน 

ประโยชน์ต่อธุรกิจ 

การที่ธุรกิจเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายพลังงานสะอาด จะช่วยให้สามารถปรับตัวเชิงกลยุทธ์ได้ทันเวลา ลดความเสี่ยงจากการถูกลงโทษทางกฎหมาย และเปิดโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์หรือเงินทุนจากนโยบายสนับสนุนของรัฐ 

ดังนั้น กฎหมายพลังงานสะอาดจึงเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้สังคมและเศรษฐกิจเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง 

แนวโน้มกฎหมาย พลังงานสะอาด 

ความตกลงปารีสและเป้าหมาย Net Zero จุดเปลี่ยนของนโยบายพลังงานโลก 

ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เป็นการตกลงขอความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีเป้าหมายหลักในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และพยายามจำกัดให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ความตกลงนี้ได้รับการลงนามในปี 2559 โดยมี 196 ประเทศร่วมลงนาม  

ปัจจุบันมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลกได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero โดยมีกำหนดเวลาที่แตกต่างกันไป เป้าหมายเหล่านี้กำลังถูกแปลงเป็นนโยบายและกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมในหลายประเทศ  

เป้าหมาย Net Zero ในระดับโลก 

หลายประเทศทั่วโลกเร่งผลักดันกฎหมายและมาตรการด้านพลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับวิกฤตโลกร้อน 

• สหภาพยุโรป (EU) สหภาพยุโรปเดินหน้าผลักดันนโยบาย European Green Deal เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 หนึ่งในมาตรการสำคัญคือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งเป็นระบบเก็บภาษีคาร์บอนกับสินค้านำเข้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลในการผลิต เช่น เหล็ก ซีเมนต์ ปุ๋ย และอะลูมิเนียม โดยเริ่มเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนตั้งแต่ปี 2023 และจะเริ่มบังคับใช้จริงในปี 2026 

• ประเทศจีน แม้ยังพึ่งพาถ่านหินในสัดส่วนสูง แต่ได้ประกาศเป้าหมาย “Carbon Neutrality” ภายในปี 2060 (พ.ศ. 2603) และตั้งเป้าให้ “พลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิล” (non-fossil energy) มีสัดส่วนมากกว่า 80% ของระบบไฟฟ้าภายในปี 2060 ซึ่งรวมถึงพลังงานหมุนเวียนและพลังงานนิวเคลียร์ จีนยังคงลงทุนในโซลาร์เซลล์ พลังงานลม และนวัตกรรมพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง 

• ประเทศอินเดียยังคงใช้ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานหลัก แต่ได้ตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2070 พร้อมทั้งเดินหน้าขยายการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซลาร์เซลล์และพลังงานลม 

นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า การใช้พลังงานฟอสซิลไม่เพียงแต่มีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม แต่กำลังกลายเป็นต้นทุนทางการค้าและกฎหมายที่สูงขึ้นในอนาคต ธุรกิจที่ปรับตัวสู่พลังงานสะอาดได้เร็วจะได้เปรียบบนเวทีโลกในอนาคต 

กฎหมาย พลังงานสะอาด ในประเทศไทย ก้าวสำคัญสู่อนาคตพลังงานยั่งยืน 

แผนพลังงานและนโยบายที่สำคัญ 

ประเทศไทยกำหนดเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดผ่าน แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561-2580 (AEDP 2018) โดยตั้งเป้าให้สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายภายในปี 2580 ครอบคลุมทั้งไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ 

นอกจากนี้ ไทยยังประกาศเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะยาว ได้แก่ 

• Carbon Neutrality ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) 

• Net Zero Emission ภายในปี 2065 (พ.ศ. 2608) 

กฎหมายและระเบียบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ พลังงานสะอาด ในไทย 

• พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)  
  กำหนดให้อาคารควบคุมและโรงงานควบคุมต้องดำเนินการอนุรักษ์พลังงานตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงการจัดทำรายงานการใช้พลังงานและการตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบพลังงาน 

• พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 
  เป็นกฎหมายหลักที่ควบคุมการประกอบกิจการพลังงานในประเทศไทย โดยมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นหน่วยงานกำกับดูแล 

• การปรับปรุงกฎหมายติดตั้งโซลาร์เซลล์ 
  รัฐบาลไทยได้ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อลดขั้นตอนการขออนุญาตติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับภาคประชาชนและธุรกิจ ทำให้การติดตั้งและใช้งานสะดวกและรวดเร็วขึ้น 

• ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน  
  มีการกำหนดโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่ให้ราคารับซื้อไฟฟ้าในอัตราที่จูงใจ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในโซลาร์เซลล์และพลังงานสะอาดรูปแบบอื่น ๆ  

• มาตรฐานอาคารประหยัดพลังงาน (BEC) 
  กำหนดให้อาคารใหม่หรืออาคารที่ปรับปรุงขนาด 2,000 ตร.ม. ขึ้นไป ต้องออกแบบตามเกณฑ์ประหยัดพลังงาน เช่น ระบบแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ และการใช้โซลาร์เซลล์ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ 10-20% และมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 3 ปี 

แนวโน้มกฎหมาย พลังงานสะอาด ในไทยที่กำลังจะมาถึง 

1. ภาษีคาร์บอน 

ประเทศไทยเตรียมจัดเก็บภาษีคาร์บอนในอัตรา 200 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2025 (พ.ศ. 2568) โดยจะครอบคลุมสินค้า 8 กลุ่ม เช่น เหล็ก ซีเมนต์ ไฟฟ้า รถยนต์ และอื่นๆ ธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนสูงจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นหากไม่ปรับตัวใช้พลังงานสะอาด 

2. ระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Thailand Emission Trading Scheme – Thailand ETS) 

ประเทศไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ ETS ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในอนาคตอันใกล้ โดยในช่วงแรกจะเริ่มจากอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง 

3. การขยายขอบเขตมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงาน 

มีแนวโน้มที่จะมีการปรับปรุงกฎกระทรวงให้เข้มงวดมากขึ้น และขยายการบังคับใช้กับอาคารขนาดเล็กลงในอนาคต 

4. การส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนรูปแบบใหม่ 

มีแนวโน้มที่จะมีการออกระเบียบเพื่อส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบใหม่ เช่น ชุมชนพลังงาน (Energy Community) และการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างเอกชนกับเอกชน (Peer-to-Peer Electricity Trading) ซึ่งอยู่ในช่วงนำร่องและพัฒนา 

ธุรกิจที่ “รู้ทัน” กฎหมาย พลังงานสะอาด ได้เปรียบอย่างไร? 

การรู้เท่าทันและปรับตัวตามกฎหมายพลังงานสะอาด ไม่ใช่เพียงแค่การปฏิบัติตามกฏข้อบังคับเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ 

1. ลดต้นทุนระยะยาว 

การลงทุนในพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์เซลล์ แม้จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูง แต่สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าในระยะยาวได้อย่างมาก เนื่องจากแสงอาทิตย์เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีต้นทุน นอกจากนี้ การใช้พลังงานสะอาดยังช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีกว่าการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลที่มีราคาผันผวนตามตลาดโลก 

2. เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก 

ในปัจจุบัน ลูกค้ารายใหญ่และตลาดต่างประเทศเริ่มกำหนดให้ซัพพลายเออร์ใช้พลังงานสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขทางการค้า บริษัทระดับโลกอย่าง Apple ได้กำหนดให้คู่ค้าต้องใช้พลังงานสะอาด 100% ในกระบวนการผลิต 

นอกจากนี้ มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปจะส่งผลให้สินค้าที่ผลิตโดยใช้พลังงานสะอาดมีความได้เปรียบด้านต้นทุนเมื่อส่งออกไปยังตลาดยุโรป ธุรกิจที่ปรับตัวใช้พลังงานสะอาดก่อนจึงมีโอกาสในการเจาะตลาดและรักษาส่วนแบ่งตลาดในตลาดระดับโลกได้ดีกว่า 

3. เสริมภาพลักษณ์องค์กรและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ 

ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น การที่ธุรกิจแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้พลังงานสะอาดจึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ธุรกิจที่มีการสื่อสารเรื่องจุดยืนการใช้พลังงานสะอาดอย่างชัดเจนสามารถดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ 

4. ลดความเสี่ยงจากกฎหมายและนโยบายในอนาคต 

ธุรกิจที่เตรียมพร้อมรับมือกับกฎหมายใหม่ เช่น ภาษีคาร์บอน และมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงาน จะสามารถปรับตัวได้อย่างราบรื่น และไม่ถูกลงโทษหรือเสียเปรียบคู่แข่งที่ปรับตัวได้เร็วกว่า การลงทุนในพลังงานสะอาดตั้งแต่วันนี้จึงเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากกฎระเบียบที่จะเข้มงวดขึ้นในอนาคต 

ดังนั้น การเตรียมพร้อมรับมือกับกฎหมายพลังงานสะอาดไม่ใช่เพียงเรื่องของการปฏิบัติตามข้อบังคับ แต่เป็นโอกาสในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจและโลกของเรา ธุรกิจที่เข้าใจและปรับตัวได้เร็วจะเป็นผู้นำในยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่กำลังจะมาถึง พร้อมรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎหมายในระดับโลกและระดับประเทศได้อย่างมั่นใจ 

การติดตั้งโซลาร์เซลล์อีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องการปรับตัวสู่พลังงานสะอาด ด้วยศักยภาพด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไทย ราคาของระบบโซลาร์เซลล์ที่สามารถเข้าถึงได้ และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้การลงทุนในโซลาร์เซลล์มีความคุ้มค่าและระยะเวลาคืนทุนที่สั้นลง 

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ กฎหมายพลังงานสะอาด 

Q: กฎหมายพลังงานสะอาดคืออะไร และทำไมธุรกิจถึงควรให้ความสนใจ?

A: คือกฎหมายที่ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม เพื่อลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดมลพิษ ซึ่งการโฟกัสในเรื่องนี้ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนการผลิตต่าง ๆในระยะยาวได้ดี เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และลดความเสี่ยงจากการถูกเก็บภาษีหรือค่าปรับในอนาคต

Q: ประเทศไทยมีเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดอย่างไรบ้าง?

A: ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับพลังงานสะอาด คือ Carbon Neutrality ในปี 2050 และ Net Zero Emission ในปี 2065

Q: นอกจากการติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้ว ธุรกิจยังมีทางเลือกในการใช้พลังงานสะอาดอะไรอีกบ้าง?

A: ธุรกิจสามารถพิจารณาการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนโดยตรง การใช้พลังงานชีวมวล หรือการขอรับรองการใช้พลังงานสะอาด (Renewable Energy Certificate – REC) เพื่อแสดงความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม

SOLAR WING ผู้ให้บริการพลังงานสะอาดติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มาตรฐานและครบวงจร 

หากธุรกิจกำลังพิจารณาการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และต้องการผู้ให้บริการที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และให้บริการครบวงจร SOLAR WING คือหนึ่งในตัวเลือกชั้นนำที่ควรพิจารณา 

• ให้บริการครบวงจร (One Stop Service) ไม่ต้องวิ่งเอกสารหลายรอบ เราดูแลให้ตั้งแต่การประเมินหลังคา จนถึงการยื่นเอกสารขออนุญาต 

• ทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ทั้งวิศวกรโยธาและไฟฟ้า พร้อมเซ็นรับรองแบบเพื่อตอบโจทย์ “กฎหมายการติดตั้งโซลาร์เซลล์” ได้อย่างสมบูรณ์ 

• อุปกรณ์คุณภาพสูง แผงโซลาร์เซลล์และอินเวอร์เตอร์ผ่านมาตรฐานสากล ติดตั้งโดยมืออาชีพ 

• ประสบการณ์ติดตั้งให้กับลูกค้าหลากหลายเคส เรามีผลงานจริงทั้งบ้านขนาดเล็กไปจนถึงโรงงานขนาดใหญ่ พร้อมรีวิวความพึงพอใจจากลูกค้าหลายราย 

• ดูแลหลังการขาย มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากมีปัญหาหรือสงสัย ติดต่อเราได้ทันที 

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่สนใจจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ไว้ที่ร้านค้า สำนักงาน หรือโรงงาน แต่ยังไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตติดตั้งโซล่าเซลล์ สามารถสอบถามข้อมูลของบริการ One Stop Services เพิ่มเติมกับ SOLAR WING ได้เสมอ ยินดีให้คำปรึกษาครบทุกเรื่องโซล่าเซลล์ [คลิกเลยที่นี่] 

SOLAR WING ผู้ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และดูแล บำรุงรักษาระบบโซลาร์เซลล์แบบครบวงจร เราคือ ผู้นำ ด้านธุรกิจโซลาร์เซลล์ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยได้เข้าถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อย่างแพร่หลาย มั่นคง และยั่งยืน ทุกขั้นตอนจะเป็นเรื่องง่ายไม่ยุ่งยาก เราพร้อมดูแลจัดการ ประเมินออกแบบให้ลูกค้าพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจติดตั้ง SOLAR WING พลังงานเพื่ออนาคต ติดต่อขอรับคำปรึกษาจาก SOLAR WING ได้ที่ Email: info@solarwing.co หรือ โทร 080-3299777 

ที่มา 

กฎหมายด้านพลังงาน จาก ienergyguru 

Power of The Act: บทบาทของกฎหมายพลังงานในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงาน บทความจาก infoquest 

พลังงานสะอาดคืออะไร มีประโยชน์ต่อธุรกิจยุคปัจจุบันอย่างไร ? จาก greenyellow 

จับตาแผนพลังงานปี 68 พัฒนาพื้นทีทับซ้อนไทย-กัมพูชา บทความจาก policywatch 

Apple says 44 of its suppliers have made clean energy commitments จาก renewableenergyworld 

The Paris Agreement บทความจาก unfccc 

Carbon Border Adjustment Mechanism บทความจาก Taxation and Customs Union 

An energy sector roadmap to carbon neutrality in China จาก iea 

India Energy Outlook 2021 บทความจาก iea 

ชุมชนพลังงานสีเขียวอัจฉริยะ – สุขุมวิท 77 จาก bcpggroup